Mimulala's Review 1 : こころ โคะโคะโระ แด่หัวใจที่เดียวดาย
สวัสดีค่ะ
จากที่เคยเขียนไว้ในโพสแรกว่าจะรีวิวฉากประทับใจจากนิยายไลท์โนเวลที่เคยอ่าน วันนี้ก็สมควรแก่เวลาแล้วค่ะ /จุดพลุ แต่สำหรับ Mimulala’s Review 1 จะขอฉีกจากไลท์โนเวลไปที่วรรณกรรมคลาสสิกกันก่อน
มั่นใจว่าหากพูดถึงวรรณกรรมคลาสสิกของญี่ปุ่น คงไม่มีใครไม่รู้จัก โคะโคะโระ ของนัทซึเมะ โซเซคิ นักเขียนผู้โด่งดังของญี่ปุ่นในยุคเมจิ หรือผู้ที่อยู่บนธนบัตร 1000 เยนนั่นเอง
ออกตัวก่อนว่าบล็อกนี้ไม่ใช่บล็อกวิเคราะห์แต่จะรีวิวความประทับใจต่าง ๆ ที่ได้จากในเรื่อง อาจมีแทรกการวิเคราะห์โดยอาศัยประสบการณ์ของตัวเองบ้างเล็กน้อย ดังนั้น คงไม่ถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นนะคะ
จุดประสงค์ที่เขียนรีวิวนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนช่วยในการตัดสินใจสำหรับใครก็ยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อดีไหม หรือใครที่กำลังหาวรรณกรรมคลาสสิกอ่านสักเรื่อง ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องสปอยค่ะ
เริ่มกันเลย!
"เธอคงจำได้ว่า
เธอเคยโต้ตอบฉันเกี่ยวกับปัญหาเรื่องแนวคิดในปัจจุบัน
เธอคงจำท่าทีที่ฉันมีต่อเรื่องนั้นได้ดี ฉันไม่ได้ดูถูกความคิดเห็นของเธอ
แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะยกย่องนับถือ เพราะความเห็นเธอนั้นไม่มีภูมิหลัง
อีกทั้งเธอยังเด็กเกินกว่าที่จะมีอดีตของตัวเอง
เธอคะยั้นคะยอให้ฉันเปิดเผยเรื่องราวในอดีต
ที่ไม่ต่างกับภาพม้วนที่คลี่ออกมาให้เห็นต่อหน้าต่อตา
ตอนนั้นในใจฉันรู้สึกนับถือเธอ
เพราะเธอแสดงให้ฉันเห็นถึงความเด็ดเดี่ยว
ที่พยายามจะจับอะไรบางอย่างในใจฉันออกมาอย่างไม่เกรงใจ
เธอตั้งใจที่จะกรีดหัวใจฉัน และดื่มเลือดอุ่น ๆ ที่ไหลเวียนในนั้น
ตอนนั้นฉันบ่ายเบี่ยง โดยสัญญาว่าจะเล่าให้ฟังวันหลัง
...
ตอนนี้ฉันกรีดหัวใจตัวเองออกมา และกำลังจะเอาเลือดอาบหน้าเธอ
เมื่อชีพจรฉันหยุดเต้น ถ้าเธอรับเอาชีวิตใหม่นี้เข้าไปอยู่ในใจเธอได้
ฉันก็พอใจแล้ว"
วันศุกร์ที่ 10 มกราคม หลังจากไปปรึกษาอาจารย์ท่านหนึ่งในภาควิชาเรื่องวรรณกรรมคลาสสิกของญี่ปุ่น ท่านก็แนะนำเรื่อง โคะโคะโระ ของนัทซึเมะ โซเซคิมาให้ ตอนได้ยินชื่อครั้งแรก รู้สึกคุ้นหูมาก ๆ พอลองนึก ๆ ดูก็จำได้ว่าเคยได้ยินชื่อวรรณกรรมเรื่องนี้ในชั่วโมงเรียนไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นตอนปีสอง
ทว่าพอพูดถึงวรรณกรรมคลาสสิก ใจหนึ่งก็แอบกังวลขึ้นมาว่าจะอ่านรู้เรื่องไหม จะเข้าใจยากหรือเปล่า ความทรงจำสมัยมัธยมต้นที่เคยลองหยิบเชอร์ล็อค โฮล์มส์จากห้องสมุดขึ้นมาอ่านแต่ปรากฏว่าอ่านไม่รู้เรื่องแล่นเข้ามาในหัว ทำให้ความกังวลที่มีอยู่แต่เดิมยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
ในระหว่างทางกลับบ้าน หลังจากสองจิตสองใจอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจว่า เอาวะ ลองอ่านสักครั้งแล้วกัน จากนั้นก็เดินเลี้ยวเข้าไปในสยามพารากอนแล้วมุ่งหน้าเข้าร้านหนังสือคิโนะคุนิยะ หยิบโคะโคะโระออกจากชั้นและจ่ายเงินอย่างไม่ลังเล...
ความประทับใจหลังจากอ่านโคะโคะโระ
สิ่งแรกที่ทำหลังจากเร่งอ่านหนังสือที่มีความหนาเกือบห้าร้อยหน้าจบในสามชั่วโมงก็คือ...
นั่งเหม่อ
อา...นี่เรามาทำอะไรอยู่ตรงนี้
โคะโคะโระเป็นเรื่องราวของ 'ข้าพเจ้า' กับ 'เซนเซ' ที่พบกันครั้งแรกที่เมืองคะมะกุระ ตั้งแต่นั้นข้าพเจ้าก็หลงใหลในตัวเซนเซมาก แม้ว่าเซนเซจะเป็นคนที่ไม่ยินดียินร้ายกับโลก ทั้งยังบอกว่าตัวเองเกลียดมนุษย์ก็ตาม
เนื้อเรื่องนำเสนอสภาพการเปลี่ยนแปลงหัวใจของมนุษย์จากประสบการณ์การต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา แสดงให้เห็นถึงความเหงา ความโดดเดี่ยว ความละอายต่อบาป ความหวาดระแวง ความกลัว และความอิจฉาริษยา โดยแบ่งออกเป็น 3 ตอนคือ
- เซนเซและข้าพเจ้า
- พ่อแม่และข้าพเจ้า
- เซนเซกับพินัยกรรม
โคะโคะโระเล่าเรื่องโดยผ่านมุมมองของ 'ข้าพเจ้า' ที่สุดท้ายเราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเขาชื่ออะไรกันแน่
เรื่องราวเปิดฉากมาที่ข้าพเจ้าในวัยนักศึกษาเดินทางมาหาเพื่อนที่เมืองคะมะกุระและได้พบกับเซนเซที่ชายหาด และไม่รู้เพราะอะไรข้าพเจ้าจึงสนใจในตัวของเซนเซนัก หลังจากได้พูดกันเล็กน้อย เมื่อกลับไปโตเกียว ข้าพเจ้าก็ยังดั้นด้นไปหาเซนเซถึงบ้าน
ต่อจากนี้จะพูดถึงภาพรวมคร่าว ๆ ในแต่ละตอนค่ะ **ไม่มีสปอย
เซนเซและข้าพเจ้า
ในพาร์ทแรก ตอนที่อ่านรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นข้าพเจ้าก็ไม่ปาน เป็นช่วงที่เรากำลังพยายามทำความรู้จักตัวตนของเซนเซ รวมถึงอดีตของเขาที่ทำให้เขาปฏิเสธโลกและใช้ชีวิตอย่างเลื่อนลอยไปวัน ๆ
ในพาร์ทนี้มีหลายครั้งที่เซนเซหรือแม้แต่ตัวข้าพเจ้าเน้นย้ำว่าข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ยังไม่มีประสบการณ์ทำให้มีหลายฉากที่ข้าพเจ้าไม่อาจเข้าใจความหมายจากคำพูดของเซนเซได้
แต่หากอ่านไปจนถึงตอนเซนเซกับพินัยกรรมแล้วกลับมาอ่านตอนแรกใหม่จะช่วยให้เราเข้าใจคำพูดหลาย ๆ อย่างของเซนเซมากขึ้น เหมือนเป็นการเปลี่ยนมุมมองโดยอาศัยประสบการณ์ในอดีตของเซนเซ จากตอนแรกที่เรายังไม่มีประสบการณ์เช่นเดียวกับข้าพเจ้า
อาจเพราะยังเป็นตอนแรก เนื้อเรื่องจึงยังไม่หนักมาก ตอนที่อ่านแอบรู้สึกเหมือนกำลังอ่านการ์ตูนโชโจอยู่เลยค่ะ
พ่อแม่และข้าพเจ้า
สำหรับพาร์ทนี้จะเน้นไปที่เรื่องราวของข้าพเจ้าที่กลับต่างจังหวัดไปเยี่ยมพ่อที่ป่วย ในบรรดาสามพาร์ท เป็นพาร์ทที่มีเนื้อหาน้อยที่สุดแต่เนื้อเรื่องกลับเริ่มหนักกว่าตอนแรก อาจเพราะเป็นการมาเยี่ยมพ่อที่ป่วยหนัก บรรยากาศจึงหมุ่นมาก ๆ ค่ะ
เซนเซกับพินัยกรรม
พาร์ทสุดท้ายนี้อาจเรียกว่าเป็นเนื้อเรื่องหลักเลยก็ได้ พินัยกรรมของเซนเซยาวมากจริง ๆ กอปรกับเนื้อเรื่องที่หนักมาก ๆ บีบหัวใจและอึดอัดตลอดทั้งตอน พออ่านจบจึงมีสภาพเหม่อลอยอย่างที่เขียนไปแล้วข้างต้น
เนื้อเรื่องตอนนี้เหมือนเป็นการปลดล็อกคำถามที่เคยสะสมมาจากตอนแรกออกทั้งหมด เป็นเรื่องราวของเซนเซตั้งแต่สมัยเด็ก จนเข้ามาอยู่ในโตเกียว พบรักกับภรรยา และความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่เปลี่ยนชีวิตของเซนเซไปตลอดกาล
ตัวละครเซนเซ
แม้ในเรื่องจะเล่าจากมุมมองของข้าพเจ้า ทว่าหากพูดถึงตัวเอกของเรื่องก็คงต้องบอกว่าเป็นเซนเซมากกว่า ข้าพเจ้าคล้ายกับเป็นผู้จดบันทึกประสบการณ์ที่ได้รู้จากเซนเซเท่านั้น
หากให้นิยามความเป็นเซนเซก็คือ ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เซนเซเป็นคนฉลาด เป็นนักคิด ทว่าเพราะความผิดพลาดในอดีตทำให้เซนเซเลือกที่จะปิดตัวเอง อาศัยเงินจากมรดกและใช้ชีวิตโดยไม่ทำงาน
ส่วนตัวมองว่าโซเซคิกำลังนำเสนอภาพความล้มเหลวของมนุษย์ผ่านเซนเซที่ยึดติดกับอดีตและไม่สามารถก้าวเข้าสู่สังคมได้
นอกจากนี้ เซนเซยังเป็นตัวแทนภาพของคนญี่ปุ่นในยุคเมจิที่เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มเปิดรับความเป็นตะวันตกเข้ามามากขึ้น ทว่าความเป็นตะวันตกที่รับเข้ามานี้คล้ายเป็นเพียงการรับมาเพียงเปลือกนอก ไม่ได้เข้าใจแนวคิดแบบตะวันตกอย่างถ่องแท้ เหมือนการเอาภาพความเป็นตะวันตกมาตัดแปะไว้รอบตัวทว่าด้านในก็ยังเป็นญี่ปุ่นอยู่เหมือนเดิม
ความสัมพันธ์ของเซนเซกับข้าพเจ้า
ไม่พูดถึงไม่ได้จริง ๆ นะคะเรื่องนี้ แม้เซนเซจะแต่งงานแล้ว ทว่าความสนิทสนมของเซนเซกับข้าพเจ้าก็ทำให้อดตั้งคำถามไม่ได้ว่าใช่ ความรัก หรือเปล่า จนมีคนกล่าวกันว่าวรรณกรรมเรื่องนี้แอบมีความวายซ่อนอยู่
มาค่อย ๆ ดูกันดีกว่าค่ะ
ก่อนอื่นมาดูความสัมพันธ์ของเซนเซกับภรรยากันก่อน เนื่องจากความผิดพลาดในอดีตได้กลายเป็นบาปที่เซนเซเก็บซ่อนไว้ภายในส่วนลึกของหัวใจ แม้แต่ภรรยาก็ไม่รู้ว่าเซนเซมีเรื่องอะไรกันแน่ บ่อยครั้งจึงมีปากเสียงกันเพราะภรรยากังวลว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่า เซนเซจึงเปลี่ยนไปและเกลียดมนุษย์ถึงขนาดนี้ ความสัมพันธ์ของเซนเซกับภรรยาจึงเหมือนมีกำแพงกั้นอยู่ตลอด แม้จะอยู่ด้วยกันแต่ก็ไม่อาจเข้าใจกันได้
เซนเซกับข้าพเจ้า หากมองจากมุมมองของเซนเซ ข้าพเจ้าในวัยนักศึกษามีความคล้ายคลึงกับเซนเซในวัยหนุ่มหลายส่วน ทั้งสดใสและเปี่ยมไปด้วยพลัง อาจเพราะจุดนี้ทำให้สุดท้ายเซนเซยอมเปิดใจและสนิทสนมกับข้าพเจ้า ทั้งยังเขียนพินัยกรรมถ่ายทอดความผิดพลาดในอดีตให้ข้าพเจ้าเพื่อไม่ได้ข้าพเจ้าต้องผิดพลาดเมื่อตัวเอง
ส่วนความรู้สึกของข้าพเจ้าที่มีต่อเซนเซ ส่วนตัวมองว่าสามารถตีความได้หลายอย่าง อาจเพราะข้าพเจ้ากับเซนเซมีบางอย่างคล้ายกันไม่ว่าจะเป็นความเหงาหรือความโดดเดี่ยวทำให้ข้าพเจ้าสนใจในตัวเซนเซและอยากทำความรู้จัก
ทว่าอีกแง่หนึ่งก็อนุมานได้ว่าความรู้สึกที่ข้าพเจ้ามีต่อเซนเซอาจเป็นความรัก การพบกันครั้งแรกของข้าพเจ้ากับเซนเซ เซนเซไม่ได้แสดงความสนใจในตัวข้าพเจ้าเป็นพิเศษแต่ข้าพเจ้ากลับรู้สึกหลงใหลในตัวเซนเซ หลังจากไปหาเซนเซที่บ้านในโตเกียว แม้เซนเซจะไม่แสดงท่าทียินดียินร้าย แต่ข้าพเจ้าก็ยังมาหาเซนเซอีกหลายครั้งต่อจากนั้น
คำพูดที่ประทับใจจากโคะโคะโระ
โคะโคะโระมีหลายคำพูดที่กินใจและชวนให้ขบคิดมากมาย โดยจะขอยกคำพูดของเซนเซที่ชอบเป็นพิเศษค่ะ (คำแปลจากศาสตราจารย์ ดร.ปรียา อิงคาภิรมย์ และกนก (ศฤงคารนทร์) รุ่งกีรติกุล)
「私は過去の因果で、人を疑りつけている。
だから実はあなたも疑っている。
しかしどうもあなただけは疑りたくない。
あなたは疑るにはあまりに単純すぎるようだ。
私は死ぬ前にたった一人で好いから、他を信用して死にたいと思っている。
あなたはそのたった一人になれますか。
なってくれますか。
あなたは腹の底から真面目ですか」
"สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตฉัน ทำให้ฉันหวาดระแวงมนุษย์
พูดจริง ๆ แล้วฉันก็ระแวงเธอด้วย
แต่ไม่รู้ทำให้ฉันกลับไม่อยากระแวงเธอ
ดูเหมือนว่าเธอจะไร้เดียงสาเกินกว่าที่ฉันจะระแวงเธอได้
ฉันคิดว่าก่อนตายฉันอยากจะเชื่อใครสักคน แม้จะเพียงคนเดียวก็ยังดี
เธอจะเป็นคนเดียวคนนั้นได้มั้ย
เธอจะยอมเป็นคน ๆ นั้นได้หรือเปล่า
เธอเป็นคนที่จริงจังจากส่วนลึกของหัวใจจริงหรือ"
「悪い人間という一種の人間が世の中にあると君は思っているんですか。
そんな鋳型に入れたような悪人は世の中にあるはずがありませんよ。
平生はみんな善人なんです。
少なくともみんな普通の人間なんです。
それが、いざという間際に、急に悪人に変るんだから恐ろしいのです。
だから油断ができないんです」
"เธอคิดหรือว่าคนจำพวกหนึ่งซึ่งเรียกว่าคนเลวนั้นก็มีอยู่ในโลกนี้ด้วย
คนเลวที่หล่อออกมาจากพิมพ์เดียวกันอย่างนั้นน่ะไม่มีอยู่ในโลกนี้หรอก
โดยทั่วไปแล้วทุกคนเป็นคนดี
อย่างน้อยที่สุดทุกคนก็เป็นมนุษย์ธรรมดาสามัญ
แต่ที่น่ากลัวก็คือเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น
คนเราก็เปลี่ยนเป็นคนเลวได้ทันที ดังนั้นเราจึงประมาทไม่ได้"
เซนเซพูดประโยคนี้กับข้าพเจ้าตอนที่ข้าพเจ้าเล่าเรื่องที่บ้านรวมถึงพ่อที่ป่วยให้ฟัง สถานการ์ของข้าพเจ้าในตอนนั้นคล้ายกับอดีตในวัยเด็กของเซนเซ คำพูดนี้ลึก ๆ แล้วจึงดูคล้ายแฝงการประชดประชันไปถึงผู้คนในอดีตของเซนเซด้วย นอกจากนี้ยังนำเสนอภาพของมนุษย์ผ่านมุมมองของเซนเซว่าแม้โดยปกติทุกคนจะเป็นคนดี แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครต่างก็เก็บซ่อนความเห็นแก่ตัวไว้กันทั้งนั้น และเมื่อถึงเวลาคับขันมนุษย์ก็จะแสดงความเห็นแก่ตัวนั้นออกมา
แม้กระทั่งเซนเซในวัยเด็กเองก็เคยแสดงความเห็นแก่ตัวเช่นกัน คำพูดนี้นอกจากที่กล่าวไปข้างต้น อาจมองอีกมุมได้ว่าเซนเซไม่ได้พูดประโยคนี้กับข้าพเจ้าแต่พูดกับตัวเองในอดีตที่เคยกลายเป็นคนเลวเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นกัน และเพราะรู้สึกละอายและสำนึกผิด การบอกว่าโดยทั่วไปมนุษย์ทุกคนเป็นคนดีจึงฟังดูคล้ายกับว่าเซนเซกำลังปลอมประโลมจิตใจของตัวเองว่าสิ่งที่ทำผิดพลาดไปในอดีตนั้นไม่ใช่เพราะตัวเองเป็นคนเลว แต่เพราะตกอยู่สถานการณ์คับขันต่างหาก
สรุปคำศัพท์
鋳型 (いがた) n. แม่พิมพ์สำหรับหล่อโลหะ
平生 (へいぜい) n-adj. ปกติ ธรรมดา
善人 (ぜんにん) n. คนดี
間際 (まぎわ) n-adv. วินาทีสุดท้าย
油断 (ゆだん) n. สะเพร่า ไม่รอบคอบ
ส่งท้าย
โคะโคะโระเป็นหนังสือที่ควรค่าแก่การอ่านมาก ๆ เนื้อเรื่องไม่ได้เล่าถึงโลกแต่เล่าถึงหัวใจของคนคนหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้ชีวิต หากให้นิยามคำหนึ่งคำสำหรับนิยายเรื่องนี้ ก็คงมีเพียงคำว่า こころ เนี่ยแหละที่สามารถอธิบายความรู้สึกทุกอย่างในเรื่องได้เพราะทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นหัวใจของมนุษย์ทั้งสิ้น
เรื่องนี้อ่านแล้วเข้าใจมนุษย์ขึ้นจริงๆ คำพูดก็เพราะ คำพูดของเซนเซที่ยกขึ้นมา (อันบน) ตอนแรกก็เขียนเป็นรูปธรรมดา(พูดกับตัวเอง) แต่พอเป็นคำถามก็ switch ไปใช้เป็นรูป ます
ตอบลบเป็นรีวิวหนังสือที่ละเอียดดีมากกก
ตอบลบอยากอ่านเรื่องแนวนี้บ้างจังเลย ขอยืมอ่านหน่อยนะ 555
คุณmimulalaเก่งมากที่สามารถรีวิวออกมาแบบไม่มีสปอยล์เลย คือเราเคยได้ยินมาว่าเรื่องนี้มันอ่านยาก แบบเข้าใจยากมากๆ เพราะมันเป็นเรื่องของจิตใจคนสินะคะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบเอ..สงสัยเราเบลอ เรานึกว่าคอมเม้นท์คุยเรื่องนี้ไปเเล้ว555
ตอบลบเราว่าเรื่องนี้ตรงกับประโยคบนปกมาก ที่ว่า "เมื่ออ่านเเล้วเราจะเข้าใจมนุษย์" ขึ้น
พอลองเอาตัวเองเข้าไปเป็นเซนเซในเรื่อง ก็เหมือนจะเข้าใจเซนเซ
เเต่คงไม่เข้าใจทั้งหมดอยู่ดี เพราะความรู้สึกมันช่างเปราะบางจริงๆเนอะ
เป็น 感想文 ที่ดีมากเลยคุนมิมุลาลา โคะโคะโระนี่เป็นวรรณกรรมที่อ่านแล้วรู้สึกจมดิ่งไปกับความรู้สึกทุกครั้งเลยเนอะ ฮือ
ตอบลบ