タクス2:การพูด「いただきます」กับ「ごちそうさまでした」ก่อนและหลังทานอาหารของคนญี่ปุ่น



สวัสดีค่ะ




ใครเคยดูโดเรม่อนน่าจะเคยคุ้นหูคำว่า 'จะทานแล้วนะครับ' กับ 'อิ่มแล้วครับ' ของโนบิตะกันมาบ้าง 2 คำนี้ในภาษาญี่ปุ่นคือคำว่า 「いただきます」กับ「ごちそうさまでした」ค่ะ เอ...ทำไมคนญี่ปุ่นจึงพูดสองคำนี้ทั้งก่อนและหลังอาหารล่ะ สองคำนี้มีความหมายอย่างไร วันนี้จะมาอธิบายให้ฟังค่ะ


「いただきます」หมายความว่า?


ก่อนอื่นมาเริ่มกันที่ความหมายของ「いただきます」กันก่อน คำนี้ถ้าแปลเป็นภาษาไทยจะแปลว่า 'จะทานแล้วนะครับ/ค่ะ' ตามที่ได้ยินกันบ่อย ๆ ในอนิเมญี่ปุ่นค่ะ ทีนี้เรามาดูความหมายฉบับภาษาญี่ปุ่นกันบ้าง

「いただきます」ตัวคันจิจะใช้คำว่า 頂きます ตัว 頂き นี้หมายถึง 頂上 แปลว่าจุดสูงสุดค่ะ ดังนั้น 「いただきます」จึงถูกใช้ในความหมายที่เป็นการขอบคุณพระเจ้าที่ประทานอาหารมาให้ ในปัจจุบันคำคำนี้ยังใช้แสดงความขอบคุณถึงข้าวปลาอาหารที่ต่าง ๆ ที่มอบชีวิตของตนเองให้เราทานและมีชีวิตอยู่ต่อค่ะ

นอกจากความหมายแสดงความขอบคุณของพืชพันธุ์ต่าง ๆ แล้ว 「いただきます」ใช้แสดงความขอบคุณถึงผู้ที่ทำอาหารให้เราด้วย ดังนั้น ก่อนเริ่มทานคนญี่ปุ่นจึงมักกล่าวคำคำนี้ค่ะ

「ごちそうさまでした」หมายความว่า?


ต่อมามาพูดถึงความหมายของ 「ごちそうさまでした」กันบ้าง คำคำนี้ในภาษาไทยแปลว่า 'อิ่มแล้วครับ/ค่ะ' แต่บางสำนักก็แปล 'ขอบคุณที่เลี้ยงครับ/ค่ะ' ทั้งนี้ คิดว่าคงขึ้นอยู่กับบริบทเพราะในภาษาไทยเราไม่มีวัฒนธรรมการกล่าวขอบคุณหลังทานอาหารจึงไม่มีความหมายตายตัว

「ごちそうさまでした」ใช้คันจิว่า ご馳走様 โดย 馳せる หมายถึง 速く走る แปลว่าการวิ่งอย่างรวดเร็ว สมัยก่อนคนญี่ปุ่นจะใช้ม้าในการหาวัตถุดิบอาหารต่าง ๆ ค่ะ

แม้ในปัจจุบันการหาวัตถุดิบจะไม่ลำบากเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่คนญี่ปุ่นก็ยังพูดคำนี้หลังทานอาหารเสร็จเพื่อแสดงความขอบคุณต่อคุณคนปลูกพืชผัก คุณคนขายอาหาร หรือคนที่เตรียมอาหารให้ค่ะ


ประเทศอื่นมีวัฒนธรรมการขอบคุณก่อนและหลังทานอาหารไหม?


ขอยึดข้อมูลจากชั่วโมงบรรยากาศของอาจารย์เมื่อวันจันทร์นะคะ นอกจากญี่ปุ่น ประเทศที่มีวัฒนธรรมการขอบคุณก่อนและหลังทานอาหารที่ใกล้เคียงมากที่สุดเห็นจะเป็นเกาหลีใต้ค่ะ

ใครดูซีรี่ส์เกาหลีน่าจะเคยได้ยินคำว่า 잘 먹겠 습니다 (จัล มอ-เกส-ซึม-นิ-ดะ) กับ 잘 먹었습니다 (จัล มอ-กอส-ซึม-นิ-ดะ) กันมาบ้าง

잘 먹겠 습니다 (จัล มอ-เกส-ซึม-นิ-ดะ) พูดก่อนทาน หมายถึง จะทานแล้วนะครับ/ค่ะ
잘 먹었습니다 (จัล มอ-กอส-ซึม-นิ-ดะ) พูดหลังทาน หมายถึง อิ่มแล้วครับ/ค่ะ

แทรกความรู้ไวยากรณ์เกาหลีที่เคยเรียนเมื่อนานมาแล้วเล็กน้อย

잘 먹 습니다 : 겠 แปลว่า จะ แสดงอนาคตคือกำลังจะทาน
잘 먹습니다 : 었 แสดงรูปอดีดเช่นเดียวกับรูป ました หรือ た ในภาษาญี่ปุ่นค่ะ

เอาล่ะ กลับเข้าเรื่องกันต่อ

แม้เกาหลีใต้จะมีวัฒนธรรมการพูดขอบคุณเหมือนญี่ปุ่น แต่เราจะไม่ค่อยได้ยินคนเกาหลีพูดบ่อยเท่าคนญี่ปุ่นค่ะ เพราะคนเกาหลีมองว่าการกล่าวขอบคุณก่อนและหลังทานอาหารเป็นการแสดงขอบคุณต่อผู้ที่ทำอาหารให้ ดังนั้น หากคนคนนั้นไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ คนเกาหลีก็จะไม่พูดค่ะ เพราะมองว่าพูดไปก็ไม่มีคนมารับรู้อยู่ดี ไม่พูดดีกว่า

แต่ในขณะที่คนญี่ปุ่นจะมองว่า การกล่าวขอบคุณไม่ได้เพื่อแสดงความขอบคุณต่อผู้ทำอาหารเท่านั้น ยังเป็นการแสดงความขอบคุณต่ออาหารที่สละชีวิตให้เราทานด้วย ดังนั้น แม้คนทำอาหารจะไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ทว่าอาหารที่ยอมสละชีวิตให้เราทานนอนเด่นสง่าอยู่ในจาน ดังนั้นจึงต้องกล่าวขอบคุณค่ะ

วัฒนธรรมการขอบคุณก่อนและหลังทานอาหารในตะวันตก


ที่จริงประเทศฝั่งตะวันตกไม่มีวัฒนธรรมการขอบคุณแบบญี่ปุ่นหรือเกาหลี แต่สำหรับชาวคริสเตียนมีวัฒนธรรมการอธิษฐานก่อนทานอาหารอยู่ค่ะ ก่อนอื่นไปดูวิดีโอด้านล่างกันก่อนเลย!




การอธิษฐานก่อนทานอาหารเป็นวัฒนธรรมของชาวยิวเป็นการขอบคุณพระเจ้าและตระหนักว่าพระเจ้าเป็นผู้ประทานอาหารมื้อนี้มาให้ ฟังดูแล้วก็แอบมีความคล้ายคลึงกับญี่ปุ่นอยู่บ้างเหมือนกันนะคะ

และเพราะเป็นวัฒนธรรมของชาวคริสเตียน จึงไม่ได้มีเพียงชาวตะวันตกเท่านั้นที่อธิษฐานก่อนทานข้าว ก่อนหน้านี้ตอนดูซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง While you were sleeping ก็มีฉากที่ตัวละครที่เป็นคริสเตียนร่วมอธิษฐานก่อนทานอาหารเช่นกันค่ะ



การขอบคุณก่อนและหลังทานอาหารในประเทศไทย


ถ้าพูดถึงวัฒนธรรมการขอบคุณในประเทศไทยคงหนีไม่พ้น

'ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า ผู้คนอดอยาก มีมากนักหนา สงสารบรรดา เด็กตาดำๆ'

ที่เป็นท่องกันตั้งแต่ชั้นประถมจนมัธยม ทว่าบทสวดยาวเหยียดนี้ ในฐานะเด็กนักเรียนที่พูดมาตลอดจนถึงมอต้น คงต้องบอกว่าแค่ท่องเพราะอาจารย์ให้ท่องเท่านั้นจริง ๆ 

แต่ถ้าพิจารณาจากเนื้อความ การกล่าวขอบคุณก่อนทานอาหารของไทยจะเน้นไปที่การสร้างความตระหนักให้เราสำนึกถึงคุณค่าของอาหารแต่ละมื้อโดยกล่าวว่ายังมีคนอดอยากอีกมาก ดังนั้น เราควรทานอาหารมื้อนี้ให้หมดอย่าทิ้งขว้าง

ส่วนการกล่าวขอบคุณหลังทานอาหารไม่มีค่ะ

สรุป

การขอบคุณก่อนและหลังทานอาหารเป็นวัฒนธรรมที่สะท้อนระบบความคิดของคนญี่ปุ่นต่ออาหารและผู้คน แม้ในปัจจุบันคนญี่ปุ่นหลายคนอาจกล่าว「いただきます」และ「ごちそうさまでした」ไปตามความเคยชิน ทว่าหากกล่าวคำสองคำนี้ด้วยความรู้สึกขอบคุณจะทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของอาหารทุกมื้อที่ทานค่ะ



จบไปอีกหนึ่งบทความ หวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านจะได้เข้าใจวัฒนธรรมการกล่าว「いただきます」กับ「ごちそうさまでした」ของคนญี่ปุ่นมากขึ้นนะคะ

ความคิดเห็น

  1. อ่านแล้วหิว รูปปลาแซลมอนที่เลือกมาแปะ น่าทานมากๆ ความต่างกับภาษาเกาหลีน่าสนใจนะคะ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม