タクス 4 : สังเกต GAP ช่องว่างทางภาษา
สวัสดีค่ะ
ยังคงอยู่กับโพสแบบมีสาระความรู้กันอย่างต่อเนื่อง วันนี้จะมาชำแหละตัวเอง กรีดหัวใจและเอาเลือดอาบหน้าเธอ...อะ ผิดบล็อก ๆ 5555
ก่อนจะเข้าประเด็นหลักของเราในวันนี้ ขอเริ่มจากการอธิบายเรื่อง アウトプット仮説 หรือ Comprehensible Output กันก่อนค่ะ
Comprehensible Output ถูกเสนอโดย Merrill Swain ใจความของแนวคิดนี้ก็คือ การพูด การเขียน หรือการใช้ภาษานั้น ๆ ออกมาเนี่ย จะทำให้ผูเรียนภาษาพัฒนาภาษาของตัวเองได้ดีกว่าการเรียนแบบ input ซึ่งคือการรับเข้ามาค่ะ เพราะการที่เราได้ลองใช้ภาษาจะทำให้รู้ว่าเราเข้าใจภาษานั้นจริง ๆ หรือเปล่า หรือสิ่งที่เราเข้าใจเนี่ย เราเข้าใจถูกต้องแล้วหรือเปล่าค่ะ
Comprehensible Output ประกอบด้วย
ยังคงอยู่กับโพสแบบมีสาระความรู้กันอย่างต่อเนื่อง วันนี้จะมาชำแหละตัวเอง กรีดหัวใจและเอาเลือดอาบหน้าเธอ...อะ ผิดบล็อก ๆ 5555
ก่อนจะเข้าประเด็นหลักของเราในวันนี้ ขอเริ่มจากการอธิบายเรื่อง アウトプット仮説 หรือ Comprehensible Output กันก่อนค่ะ
Comprehensible Output ถูกเสนอโดย Merrill Swain ใจความของแนวคิดนี้ก็คือ การพูด การเขียน หรือการใช้ภาษานั้น ๆ ออกมาเนี่ย จะทำให้ผูเรียนภาษาพัฒนาภาษาของตัวเองได้ดีกว่าการเรียนแบบ input ซึ่งคือการรับเข้ามาค่ะ เพราะการที่เราได้ลองใช้ภาษาจะทำให้รู้ว่าเราเข้าใจภาษานั้นจริง ๆ หรือเปล่า หรือสิ่งที่เราเข้าใจเนี่ย เราเข้าใจถูกต้องแล้วหรือเปล่าค่ะ
Comprehensible Output ประกอบด้วย
- noticing = รับรู้การใช้ภาษา ใช้ได้ไหม ได้อย่างไร
- hypothesis-testing = การลองใช้ภาษา ใช้แล้วคู่สนทนาเข้าใจเราหรือเปล่า
- metalinguistic function = การมองภาษาในมุมที่สูงกว่าและสังเกตลักษณะของภาษา ประมาณว่าการออกมายืนในวงนอกจะทำให้เราเห็นลักษณะของภาษานั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
เป็นภาพรวมครา่ว ๆ ของ Comprehensible Output นะคะ แต่ถ้าถามว่า output หรือ input ดีกว่ากันเนี่ยก็ตอบยากอยู่เหมือนกัน ในชั่วโมงเรียนอาจารย์ได้ยกหนังสือเล่มนี้มา เป็นการแบ่ง output กับ input เป็น 7:3 ค่ะ แต่จะไม่ผลหรือไม่นั้น ก็ไม่กล้าฟันธงอะไรเช่นกัน แหะ ๆ อย่างไรก็ตามการเน้นแต่ output มากเกินไป ไม่มี input เลย การเรียนก็อาจไม่ได้ประสิทธิภาพนะคะ เดินทางสายกลางค่ะทุกคน
เอาล่ะ สมควรแก่เวลาแล้ว เรามาเข้าประเด็นหลักของเราในวันนี้กันดีกว่า
หลังจากเรียนเรื่อง Comprehensible Output ไปอาจารย์ก็ให้ลองแต่งเรื่องจากภาพ โดยให้ลองพูดออกมาเท่าที่สมองน้อย ๆ นี้จะทำได้แล้วสังเกตดูว่าภาษาที่เราพูดออกมาเป็นยังไงบ้าง มี GAP หรือช่องว่างทางภาษาขนาดไหน วันนี้จึงจะนำสิ่งที่เราพูดมาชำแหละให้ดูและเทียบกับการพูดของคนญี่ปุ่นค่ะ
ภาพที่อาจารย์ยกมาให้ก็คือ แต่น แต้นนนน....
ใครอยากลองสำรวจการใช้ภาษาของตัวเอง ดูภาพแล้วลองแต่งเรื่องในหัว และเทียบกับการใช้ภาษาของคนญี่ปุ่นไปพร้อม ๆ กันก็ได้นะคะ
อันนี้เป็นเรื่องที่เราแต่งแล้วถอดเทปมาค่ะ
あるホテルのロビーに男の人がソファーに座ってぼーっとしています。彼の隣には新聞を読んでいる眼鏡のおじさんが座っています。それから、男はマップを見て迷っているそうな外国人と目が合ってしまいました。すると、その外国人が急に道を聞くために近づいてきました。男の人は英語がしゃべれないのでびっくりして、新聞を読んでいる隣のおじさんにしがみついて自分の姿を新聞の裏に隠してしまいました。そして、その外国人は信じられない顔をしました。
มาสังเกต GAP กันดีกว่า
- สิ่งที่อยากพูดแต่พูดไม่ได้ (ทำไมฟังดูเศ้รา ๆ ฮือ)
- (ชาวต่างชาติ) ที่ดูแผนที่ท่าทางเหมือนกำลังหลงทาง
เรา : マップを見て迷っているそうな外国人
คนญี่ปุ่น : 地図を広げて目的地を探している1人の外国人の男性
2. ทันใดนั้น
เรา : เลี่ยงไปใช้ それから
คนญี่ปุ่น : ふと
3. ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษจึงตกใจ
เรา : 男の人は英語がしゃべれないのでびっくりした。
คนญี่ปุ่น : 外国語に自信がないペエスケにとってはまさにやぶから棒で、困惑してしまう。
4. ไปแอบหลังหนังสือพิมพ์
เรา : 自分の姿を新聞の裏に隠してしまいました。
คนญี่ปุ่น : 隣に座っているおじさんが読んでいる新聞のかげに隠れた。
5. หมดคำจะพูด
เรา : เลี่ยงไปใช้ その外国人は信じられない顔をしました。
คนญี่ปุ่น : 外国人のおじさんも言葉を失っていた。
- วิธีการใช้คำต่าง ๆ
หลังจากสังเกตว่าตัวเองใช้ภาษาได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว ต่อมาเรามาดูการเลือกใช้สำนวนต่าง ๆ กันบ้างค่ะ
แปะอีกรอบ
あるホテルのロビーに男の人がソファーに座ってぼーっとしています。彼の隣には新聞を読んでいる眼鏡のおじさんが座っています。それから、男はマップを見て迷っているそうな外国人と目が合ってしまいました。すると、その外国人が急に道を聞くために近づいてきました。男の人は英語がしゃべれないのでびっくりして、新聞を読んでいる隣のおじさんにしがみついて自分の姿を新聞の裏に隠してしまいました。そして、その外国人は信じられない顔をしました。
คำเชื่อม : それから、すると、そして
กริยานุเคราะห์ : ~てしまいます、~ています、~てきます
มีการใช้ 急に เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นค่ะ
ต่อไปมาดูของคนญี่ปุ่นกันบ้าง ขอยกมาหนึ่งตัวอย่างนะคะ เดี๋ยวจะยาวเกินไป 5555
僕は、ホテルのロビーのソファーに座ってくつろいでいました。隣には、同じくくつ
ろいで新聞を読んでいるおじさんがいます。ぼーっとあたりを見回していると、ふと、一
人の男性と目が合ってしまいました。その人は、カメラを首からぶらさげ、地図を片手
に、どうやら道を探していたようです。「あっやばい!」と思った瞬間、その人が近づい
てきました。「これはまずい!きっと僕に道を聞くつもりだ。めんどくさいことになる
ぞ。どうしよう...。」とっさに僕は、隣のおじさんの新聞にかくれてしまいました。
คำเชื่อม : と
กริยานุเคราะห์ : ~ています、~てしまいます、~てきます
กริยาผสม : ぶらさげる
ใช้ ふと、どうやら、とっさに
- วิธีการเล่าเรื่อง
あるホテルのロビーに男の人がソファーに座ってぼーっとしています。彼の隣には新聞を読んでいる眼鏡のおじさんが座っています。それから、男はマップを見て迷っているそうな外国人と目が合ってしまいました。すると、その外国人が急に道を聞くために近づいてきました。男の人は英語がしゃべれないのでびっくりして、新聞を読んでいる隣のおじさんにしがみついて自分の姿を新聞の裏に隠してしまいました。そして、その外国人は信じられない顔をしました。
พยายามใช้ ~てしまいます เพื่อให้เรื่องดูมีความนมเนยมากขึ้น และใช้ すると ตอนเข้าจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง แต่ส่วนตัวไม่รู้สึกว่าการลำดับเรื่องราวของตัวเองมีความน่าสนใจหรือน่าติดตามเท่าไรนัก คิดว่าอาจเพราะคำศัพท์ในหัวยังไม่มีมาก และไม่คุ้นชินกับการเล่าเรื่องแบบคนญี่ปุ่นค่ะ
มาดูการเล่าเรื่องของคนญี่ปุ่นกันบ้าง
僕は、ホテルのロビーのソファーに座ってくつろいでいました。隣には、同じくくつ
ろいで新聞を読んでいるおじさんがいます。ぼーっとあたりを見回していると、ふと、一
人の男性と目が合ってしまいました。その人は、カメラを首からぶらさげ、地図を片手
に、どうやら道を探していたようです。「あっやばい!」と思った瞬間、その人が近づい
てきました。「これはまずい!きっと僕に道を聞くつもりだ。めんどくさいことになる
ぞ。どうしよう...。」とっさに僕は、隣のおじさんの新聞にかくれてしまいました。
สีเขียว เล่าฉากต่อกันทำให้เห็นภาพได้ชัดเจน
สีฟ้า บรรยายลักษณะบุคคลช่วยให้จินตนาการได้ง่าย
สีแดง เพิ่มบทพูดลงไปให้เรื่องมีความน่าสนใจ
สีม่วง とっさに ช่วยให้เห็นภาพ
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือมีการนำตัวเองไปแทนตัวละครในเรื่อง สังเกตว่าเขาใช้คำว่า 僕 แทนที่จะใช้คำอย่างเช่น 男の人 ไม่แน่ใจว่าอนุมานได้หรือเปล่าว่าภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาแบบ ひとりごと言語 ที่มักเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ คนญี่ปุ่นคนนี้จึงเล่าโดยใช้ตัวเองแทนผู้ชายในภาพค่ะ
จากที่ลองสำรวจ GAP หรือช่องว่างทางภาษาของตัวเอง
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือมีการนำตัวเองไปแทนตัวละครในเรื่อง สังเกตว่าเขาใช้คำว่า 僕 แทนที่จะใช้คำอย่างเช่น 男の人 ไม่แน่ใจว่าอนุมานได้หรือเปล่าว่าภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาแบบ ひとりごと言語 ที่มักเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ คนญี่ปุ่นคนนี้จึงเล่าโดยใช้ตัวเองแทนผู้ชายในภาพค่ะ
สรุป
จากที่ลองสำรวจ GAP หรือช่องว่างทางภาษาของตัวเอง
- มีหลายประโยคและคำที่พูดตามที่ใจคิดไม่ได้ทำให้ต้องเลี่ยงไปใช้คำอื่นแทน การเลือกใช้คำก็ยังไม่ดีเท่าไรนัก สังเกตจากที่ใช้คำว่า マップ ในขณะที่คนญี่ปุ่นใช้ 地図
- การเลือกสรรสำนวนต่าง ๆ ยังแข็ง ๆ ทื่อ ๆ ทำให้เรื่องราวไม่มีความน่าสนใจเท่าที่ตั้งใจ เหมือนพูดประโยคต่อประโยค เมื่อลองเทียบกับคนญี่ปุ่นก็พบว่าคนญี่ปุ่นมีการใช้คำเช่น ふと、いきなり 、とっさに หรือ 思った瞬間 ทำให้เรื่องเล่ามีความนมเนยมากขึ้น
- วิธีการเล่าเรื่องของเราจะเล่าไปตามภาพที่เห็น แต่คนญี่ปุ่นจะใช้จินตนาการอื่น ๆ ลงไปด้วย เช่น เอาตัวเองเข้าไปแทนตัวละครหรือใส่บทพูดต่าง ๆ
จากที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นวิธีหนึ่งในการสังเกต GAP ด้วยการ Output ออกมาภาษานั้นออกมานะคะ นอกจากวิธีการข้างต้นก็ยังมีวิธีการสังเกต GAP อีกหลายวิธีค่ะ
ตัวอย่างนี้เป็นการสังเกต GAP ของผู้เรียนภาษาอังกฤษนะคะ จะเป็นการให้ลองใช้ภาษาชีวิตประจำวันเพื่อดูว่าผู้เรียนมีกำแพงภาษามากน้อยแค่ไหน
ตัวอย่างนี้เป็นการสังเกต GAP ของผู้เรียนภาษาอังกฤษนะคะ จะเป็นการให้ลองใช้ภาษาชีวิตประจำวันเพื่อดูว่าผู้เรียนมีกำแพงภาษามากน้อยแค่ไหน
Cr. https://ivweb.nwtoolbox.org/sherwoodess/Portals/0/Gap%20Finder%20Assessment.pdf?ver=2019-08-06-160515-763
จบกันไปกับบล็อกสังเกต GAP ของตัวเองนะคะ ใครที่ลองแต่งเรื่องและสังเกต GAP ไปพร้อม ๆ กันเป็นยังไงกันบ้างคะ การสังเกตและรับรู้ GAP ของตัวเองจะทำให้เราตระหนักถึงความสามารถทางภาษาของเราได้ดียิ่งขึ้น เมื่อรู้ว่าเรามีจุดด้อยตรงไหนจะได้แก้ไขและพัฒนาทักษะทางภาษาของเราค่ะ
สุดท้ายนี้ อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ
คุณมิ้มวิเคราะห์ output ได้ละเอียดดีมากเลยค่ะ ชอบ🤍 ชอบที่ไฮท์ไลท์เป็นสีๆด้วย อ่านง่ายดีค่ะ
ตอบลบชอบที่มีวิเคราะห์ของคนญี่ปุ่น ใช้สีแสดง เขียว ฟ้า แดง ม่วง (ละเอียดมาก)จังเลย 迷っているそう ➡︎ 迷っていそう ถ้าใช้รูปplain form +そう= ได้ยินว่า ถ้าจะใช้ そう ในความหมายว่า ท่าทาง... ข้างหน้าต้องทำเป็นรูป ます แล้วตัด ますออกค่า
ตอบลบสุดปัง สุดเริ่ด วิเคราะห์ละเอียดมากแม่เจ้า มงลง บัดเดี๋ยวนี้
ตอบลบปล. นี่แอบเห็น Gap sheet ภาษาอังกฤษ น่าสนใจมากเลย ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวว่างๆจะไปแกล้งๆลองทำดูเล่นๆ ขำๆ